พระพุทธเจ้าแนะนำ 5 สิ่งที่ให้คิดถึงทุกวัน แล้วชีวิตจะมีความสุขขึ้นมาทันที
คนเราทุกคนล้วนมีการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน มีการอบรมสั่งสอนที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่แนะนำให้เราคิดถึงในทุกๆวันของการใช้ชีวิต มีดังต่อไปนี้
ในระหว่างการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวัน หนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง
ซึ่งเท่ากับ 1,440 นาทีของการใช้ชีวิต
ครูบาอยากให้พวกเราลองเจียดเวลาวันละ 5 นาที
จากเกือบหนึ่งพันห้าร้อยนาทีนั้น
เวลาไหนก็ได้ เป็นตอนเช้าหลังตื่นนอนยิ่งดี
ให้มาคิดถึง 5 สิ่งนี้
เป็น 5 สิ่งที่ถ้าเราคิดถึงมันทุกวันอย่างตั้งใจ
จะทำให้เราใช้ชีวิตอีก 1,435 นาทีที่เหลือ
ได้อย่างมีคุณค่าและมีความหมายมากขึ้น
อย่างที่ชีวิตนี้ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
สิ่งแรก
ให้เราคิดถึงว่าร่างกายของเรานี้จะแก่ลงทุกวัน
แก่ลงเรื่อยๆ ผมของเราซักวันจะหงอกหมด
แรงของเราจะน้อยลงๆเรื่อย
สมองของเราจะคิดช้าลงๆไปตลอด
ตาของเราจะมองเห็นได้น้อยลงๆ
หูของเราจะได้ยินเสียงเบาลงๆๆ
ลมหายใจจะหายใจช้าลงๆๆและแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆๆๆ
จินตนาการถึงวันที่เราที่เราแก่
และร่างกายเสื่อมลงมากแล้ว
เราจะรู้สึกยังไง?
ถ้าเราคิดถึงสิ่งนี้ทุกวันอย่างตั้งใจ
แล้วถ้าวันใด…
วันไหนที่หน้าเรามีตีนกาขึ้น
วันไหนที่เราเริ่มหูตึง
วันไหนที่เราเริ่มจำอะไรไม่ค่อยไดั
วันนั้นเราจะไม่ตื่นตระหนกมาก
ไม่ตกใจและไม่ทุกข์ใจเท่าใครๆ
เพราะได้เตรียมใจไว้แล้ว
สิ่งที่สอง
ให้เราคิดถึงว่า ชีวิตของเรานี้จะต้องเจ็บไข้เป็นธรรมดา
เจ็บเล็กเจ็บมากเจ็บเยอะเจ็บน้อยไม่รู้
แต่ทุกอวัยวะยังไงมันต้องเสื่อมถอยไปโดยสภาพของมัน
จะมีซักวันที่เราเจ็บนู่นเจ็บนี่
จะมีซักวันที่บางอวัยวะเราเสื่อมถอยลง
จะมีซักวันที่บางอวัยวะของเราทำงานไม่ได้อีกเลย
ถ้าเราคิดถึงสิ่งนี้ทุกวัน
ไม่ได้คิดดึงดูดเรื่องลบ
แต่คิดตามความเป็นจริง คิดตามธรรมชาติ
ว่ามันเป็นเช่นนั้นของมัน
และเป็นเช่นนี้กับทุกคนบนโลก
ซึ่งถ้าวันไหนที่เราร่างกายเจ็บไข้จริงๆ
วันนั้นเราจะไม่ทุกข์มากเท่าใครๆ
เพราะเราทำใจและเข้าใจมันมาก่อนแล้ว
สิ่งที่สาม
ให้เราคิดถึง
คนที่เรารักที่สุดในชีวิต 3 คนที่ยังมีชีวิตอยู่
เอาแบบรักที่สุด ห่วงใยที่สุดเลยนะ
แล้วคิดว่าถ้าวันนี้พรุ่งนี้
เราต้องตายจากเขาเหล่านั้นไป
หรือเขาเหล่านั้น ต้องตายจากจากเราไป
วันนี้โลกใบนี้ไม่มีพวกเขาอยู่แล้ว
เราจะรู้สึกยังไง?
พยายามดื่มด่ำและทอดอารมณ์กับอารมณ์เศร้าตรงนี้ซักพัก แล้วเรียกคืนสติตัวเองขึ้นมาที่ปัจจุบัน
ว่าเราช่างโชคดีนัก
ที่วันนี้ วินาทีนี้
เรายังมีลมหายใจอยู่
และพวกเขายังมีลมหายใจอยู่
แต่ให้คิดต่อว่า
ความโชคดีนั้น เป็นแค่ชั่วขณะ
เพราะสุดท้าย วันที่เราและเขาต้องจากกันต้องมาถึงอยู่ดี
ไม่ช้าก็เร็ว เร็วสุดอาจเป็นพรุ่งนี้ก็ได้
คำถามก็คือ…
แล้ววันนี้เราจะใช้ชีวิตยังไงล่ะ?
จะพูดกับพวกเขาว่าอะไรล่ะ?
จะทำดีกับพวกเขายังไงล่ะ?
พรุ่งนี้ไม่รู้มีเขาครบไหม แต่วันนี้มีครบแน่ๆ
เราจะทำวันนี้ ขยี้ให้คุ้มค่าที่สุดเท่านี้ยังไง?
สิ่งที่สี่
ข้อสามเราคิดถึงคนที่เรารักไปแล้ว
คราวนี้ให้มาคิดถึงของที่รักกันบ้าง
ลองนึกถึงของที่เรารักและหวงแหนที่สุด 3 อย่าง
คือถ้าของนี้หายไป เราจะเสียดายและเศร้าใจมากสุด
คัดตัวท๊อปมาซัก 3 อย่างในชีวิต
แล้วให้คิดว่า…
วันนี้ 3 สิ่งนี้หายไปหรือพังไปใช้ไม่ได้อีกแล้ว
เราจะรู้สึกยังไง?
รู้สึกเศร้าให้เต็มที่ และเรียกสติมาที่ปัจจุบัน
เพราะโชคดีนี้ที่วันนี้มันยังอยู่
ทุกอย่างยังอยู่กับเราในสภาพที่ดี
แต่ลองมองไกลจาก 3 อย่างนี้
กวาดตามองไปทุกสิ่งรอบตัวที่เราครอบครองอยู่
มือถือ, ตู้เสื้อผ้า, ปากกา,หมา, แมว,
รถ, นาฬิกา, กระเป๋า, เงิน, ทอง, เพชร ฯลฯ
ไม่ช้าก็เร็ว ไม่จากไป
ไม่หายก็พัง
ไม่เราจากมัน มันก็จากเรา
ไม่ว่าจะจากแบบไหน
ยังไงก็จากกันไปในวันยังค่ำอยู่ร่ำไป
ไม่มีอะไรจะอยู่กับเราไปตลอด
ทุกสิ่งเกิดมาเพื่ออยู่กับเราชั่วคราว
แล้วต้องจากเราไป
ทุกสิ่งทุกอย่าง หมายถึงทุกอย่างจริงๆ
100% ของสิ่งที่เราเป็นเจ้าของและครอบครองอยู่ตอนนี้
ต้องจากเราไปทั้งนั้น
ถ้าเราคิดสิ่งนี้ได้อย่างตั้งใจทุกวัน
วันไหนที่ของเราหาย
วันไหนที่ของเราพัง
วันไหนที่ของเรามันสลายไป
เราจะทุกข์ใจน้อยกว่าคนอื่น
เพราะเราเข้าใจและเตรียมหัวใจไว้แล้วนั่นเอง
สิ่งที่ห้า สิ่งสุดท้าย
ให้เราคิดถึงทุกวันว่า…
โลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญ
ชีวิตเราไม่มีอะไรฟลุ๊กหรือ random อะไรทั้งนั้น
ชีวิตเราทุกเรื่อง ทุกอย่าง ทุกวินาที ทุกขณะจิต
ตกอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม
อะไรดีๆที่เกิดกับเรา
ไม่ใช่เพราะเราดวงดี
ไม่ใช่เพราะเราโชคดี
ไม่ใช่เพราะวาสนาดี
แต่เป็นเราเคยทำกรรมดี
ทำการกระทำดีๆไว้ในอดีต
ปลูกเมล็ดดีๆรดน้ำใส่ปุ๋ยเอาไว้
วันนี้มันเลยมาผลิดอกออกผล
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือได้พรอะไรทั้งนั้น
ฉันใดก็ฉันนั้น
อะไรร้ายๆที่เกิดกับเรา
ไม่ใช่เพราะชีวิตเราเฮงซวย
ไม่ใช่เพราะเราโชคร้าย
ไม่ใช่เพราะเป็นคนดวงไม่ดี
แต่เพราะเราเคยทำกรรมชั่ว
ทำการกระทำร้ายๆไว้ในอดีต
วันนี้มันเลยมาเช็คบิลเอาคืน
เป็นวิบากกรรมที่ทำไว้
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือดวงซวยอะไรทั้งสิ้น
เรามีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นต้นตระกูล
เราเกิดมาเพราะต้องรับผลกรรมของเราเอง
เล็กน้อยแค่ไหนก็ต้องรับ
ไม่มีใครรับแทนได้
ต้องรับเองทั้งนั้น
รับทั้งกรรมดี ที่เราได้รางวัลพร้อมได้ปันผล
รับทั้งกรรมชั่ว ที่เราถูกเช็คบิลพร้อมเสียดอกเบี้ย
เราเกิดมาชาตินี้เพื่อรับผลกรรมเก่า
และสร้างกรรมใหม่ที่ดีๆเพื่อสะสมไว้ออกดอกในวันหน้า
และนี่คือห้าสิ่งที่เราต้องคิดถึงทุกวันแบบตั้งใจ
หลายๆสิ่ง มันย้ำเตือนว่าวันนี้เรายังโชคดีนะ
ที่ยังไม่แก่ไปกว่านี้
ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยจนทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้
และวันนี้ยังมีลมหายใจ ยังไม่ตายไป
แต่วันหน้าเราจะแก่กว่านี้
เจ็บป่วยหนักกว่านี้
และสุดท้ายหมดลมหายใจไปแน่นอน
ไม่ช้าก็เร็ว
ดังนั้น วันนี้เป็นวันที่โชคดี เป็นวันที่ฤกษ์ดีที่สุดแล้ว
เมื่อวานแก้ไขอะไรไม่ได้
พรุ่งนี้ไม่รู้จะอยู่ถึงไหม
แต่วันนี้อยู่ถึงนี่แล้ว
เรามีวันนี้แน่ๆ
เราครอบครองวันนี้ วินาทีนี้ 100%
ส่วนเมื่อวานและวันพรุ่งนี้ไม่ใช่ของเราทั้งนั้น
และเมื่อเรามีวันนี้
แต่ไม่รู้จะมีวันหน้าไหม
หรือต่อให้เรามีวันหน้า
คนที่เรารัก ของที่เรารัก
หรือแม้กระทั่งร่างกายของเราจะยังเหมือนเดิมรึเปล่า
เราไม่มีทางรู้เลย
หลายอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตโดยไม่มีสัญญาณเตือน
หรือไม่มีการไล่ระดับจากน้อยไปมากด้วยซ้ำ
ดังนั้นเราจะไม่ประมาทกับอะไรทั้งนั้น
อยากทำดีกับใคร เราจะรีบทำ
อยากขอโทษใคร เราจะรีบทำ
อยากให้อภัยใคร เราจะรีบทำ
อยากทดแทนบุญคุณพ่อแม่ เราจะรีบทำ
อยากใช้เวลากับคนที่เรารักให้มากขึ้น เราจะรีบทำ
ยิ่งช้าโอกาสยิ่งลดลง
ชีวิตคนเราเหมือนการจุดเทียนที่มองไม่เห็นไส้
ไม่รู้ว่ามันจะหมดเมื่อไหร่
แต่รู้ว่ามันหมดแน่ๆ
แต่ในเมื่อวันนี้มันยังสว่างอยู่
เราก็จะใช้แสงสว่างนั้นอย่างคุ้มค่าที่สุด
ถ้าเราคิดถึงห้าสิ่งนี้อย่างตั้งใจในทุกๆวันได้
เราจะใช้ชีวิตอย่างละเอียดขึ้น ประณีตขึ้น
ใส่ใจคนรักและสิ่งที่เรารักมากขึ้น
เห็นคุณค่ากับสิ่งที่อยู่แล้วมากขึ้น
เข้าใจธรรมชาติมากขึ้น
เตรียมใจกับความทุกข์ได้ดีขึ้น
เมื่อเจอจริงๆก็จะรับมือกับมันได้อย่างสง่างาม
ไม่ใช่เพราะเราเก่ง
แต่เป็นเพราะเราเข้าใจ
นี่คือ 5 สิ่ง ที่เราคิดจบได้ใน 5 นาที
แล้วทำให้อีกกว่า 1,400 นาทีที่เหลือในวันนั้น
เป็นทุกนาทีที่มีสติ มีคุณค่า
และมีความหมายที่สุด
ขอให้พวกเราใช้ชีวิตอย่างมีสติและมีความหมาย
ครูบาขอเจริญพร
ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจธรรมะย่อยมาแล้ว