8 นิสัยที่ควรเลิกเสียที ถ้าไม่อยากลำบากตอนแก่
1 เป็นสาวกเทคโนโลยีใหม่ๆ
ใครที่เป็นแฟนพั น ธุ์ แ ท้ของเทคโนโลยีคงรู้เลยว่า ไม่มีวันหยุด สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ยิ่งตามเทรนด์เท่าไหร่เงินก็ยิ่งจะหมด และนั่นก็ทำให้รายได้ที่มีมากขึ้นไม่เคยพอใช้สักที เพราะต้องตามเทรนด์เหล่านี้
ไม่ผิดถ้าจะซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ และก็ไม่แปลกหากคิดจะมีอุปกรณ์คู่กาย ไม่ใช่เรื่องเกินจำเป็นเลยถ้าเราจะมีอุปกรณ์พกพามากกว่า 1 อ ย่ าง เพียงแต่ต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เราซื้อได้ด้วย และให้คุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ
2 ไม่สนใจอนาคตตัวเอง
เมื่อเจอกับปัญหาก็เลือกที่จะเดินหนี หันหลังให้ หรือบ่ายเบี่ยง หลายคนคงเป็นแบบนี้กัน แต่แล้วปัญหาก็ยังคงกองอยู่ตรงหน้า เผลอๆ อาจหนักขึ้นจนเข้าขั้นวิกฤติได้ ในเรื่องของการเงินก็เหมือนกัน หลายคนสนใจกับความสุขในวันนี้ ปาร์ตี้สนุก กินอิ่ม เที่ยวบ่อย ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ายังไม่มีเงินเก็บ หรือไม่มีเงินสดสำหรับย ามฉุ ก เ ฉิ น
ไม่เคยวางแผนการเงิน ไม่คิดจะลงมือทำ และปัญหาก็ยังคงเป็นปัญหาอยู่อ ย่ า งนั้น จะดีกว่ามั้ยหากการตัดสินใจใช้เงินทุกครั้งได้ฉุกคิดถึงอนาคตบ้าง บ้านผ่อนหมดยัง หนี้บัตรเครดิตจ่ายหมดยัง เกษียณที่ว่าต้องใช้เงินเยอะเรามีอยู่แค่ไหน ต้องรู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวานซะบ้าง
3 ไม่เคยตั้งงบการใช้เงิน
เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงเป็นกัน นั่นก็คือการไม่ตั้งงบประมาณในการใช้เงินเลย จะช้อปปีใหม่ จะเที่ยว จะซื้อเสื้อผ้า ก็จัดเต็ม แล้วเป็นไง สุดท้ายก็เกินความจำเป็น เกินกำลังทรัพย์ แล้วกลายเป็นหนี้ในท้ายที่สุด
ฉะนั้นควรตั้งงบ ในการใช้เงินทุกครั้ง เช่น จะซื้อของวาเลนไทน์ให้คนรัก ไม่เกินกี่บาทก็ว่าไป จะไปเที่ยวทริปกลางปี งบประมาณสักแค่ไหนก็ว่าไป จากนั้น ยึดมั่นกับสิ่งที่ตั้งไว้ ทำตามแผน ไม่ใช้เกินงบ แล้วคุณจะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปได้
4 ใช้เงินเพิ่มมากขึ้น
ไม่ผิดเลยหากจะอย ากมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ไม่ควรลืมว่า ชีวิตที่ดีขึ้นไม่จำเป็นต้องมากับรายจ่ า ย ที่มหาศาล ลองใช้ชีวิตให้ง่ายขึ้น เลิกเป็นนักสะสมแค่นี้ก็ทำให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว
เพราะถ้าได้เงินเดือนเพิ่มแต่ใช้จ่ายเพิ่ม สุดท้ายอาจจะได้แค่อย ากมีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะยังทำตัวแบบเดิม อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมา โดยเฉพาะหนี้สินที่พอกพูนโดยไม่ทันตั้งตัว
5 ไม่สนใจหนี้
น้อยคนนักที่จะไม่มีหนี้ แต่คนมีหนี้กลับไม่ให้ความสำคัญกับการชำระหนี้ หรือบางคนไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการหนี้เลย ฉะนั้นย่อมทำให้เขาตกอยู่ในวังวนของหนี้ไปเรื่อยๆ
เพราะได้เงินมาเมื่อไหร่ก็มัวแต่สนุกกับการใช้จ่าย เพลินกับการใช้เงิน กระทั่งด อ กเบี้ยทบต้นไปเรื่อยๆ แต่คนที่อย ากรวยจะกลัวหนี้ พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับหนี้ เมื่อมีรายได้เข้ามาก็จะรีบชำระจนกระทั่งเป็นไท
6 ไม่เคยจดบันทึกเรื่องการจับจ่ายในแต่ละวัน
นายสั่งงานก็จด เข้าห้องประชุมก็จด ทุกเรื่องที่ทำทำเ พื่ อ คนอื่นทั้งนั้น แต่หลายๆ คนกลับไม่เคยแม้แต่จะคิดจดเรื่องเงินของตัวเอง ทั้งที่เป็นเรื่องที่ดีกับตัวเองเพราะคิดว่าเรารู้อยู่แล้ว ว่ารับ จ่าย ออมเท่าไหร่ ก็จริงอยู่ที่เรารู้ความเคลื่อนไหวเหล่านั้น
แต่มันอาจเป็นแค่ก้อนใหญ่ๆ เท่านั้น แต่รายจ่ายทั่วไป จิปาถะ กาแฟ ขนม เสื้อผ้าอะไรพวกนี้ อุปกรณ์ต่างๆ แม้แต่ค่าใช้จ่ายย่อย ก่อนจะรวมเป็นหนี้ก้อนใหญ่คงไม่รู้ว่าจ่ายอะไรไปบ้าง ไม่เคยจะสนใจ และนั่นก็เป็นรูรั่วเล็กๆ ที่สร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ต่อสถานะการเงินของคุณ
7 แยกไม่ออกว่าจำเป็นหรือต้องการกันแน่
แยกง่ายที่สุดก็คือต้องรู้ว่าสิ่งไหนต้องมี ขาดไปแล้วจะใช้ชีวิตไม่ได้ อย่ างเช่นปัจจัย 4 หรือสิ่งไหนมีก็ดีไม่มีก็ได้ ขาดไปแล้วยังใช้ชีวิตได้ แต่ถ้ามันมีแล้วชีวิตจะดีขึ้น ก็ซื้อไปเถอะ
หรือสิ่งไหนไม่จำเป็นต้องมี แต่ถ้าแยกไม่ได้แล้วเอาอารมณ์ เป็นที่ตั้งอาจเป็นเหยื่อภาพลวงของความจำเป็น ทีนี้มันจะทำให้เรามีแต่จ่ายกับจ่าย ไม่มีที่สิ้นสุด
8 เร็วไปที่จะออมเงิน
เชื่อว่าหลายๆ คนคงคิดแบบนี้ ในวันที่เรายังตื่นตาตื่นใจ กับสิ่งรอบตัว อันนู้นก็ใช่ อันนี้ก็ต้องการ ของพวกนี้มันแค่ภาพลวงของความจำเป็นที่ผุดขึ้นมาตรงหน้า ทำให้เราเสียทรัพย์เรื่อยๆ ทั้งที่สิ่งเหล่านั้นอาจเป็นแค่ความต้องการ มีก็ดี ไม่มีก็ได้
เลิกผัดวันประกันพรุ่งซะที แล้วเริ่มออมเงิน จะสิบ ร้อย พัน หรือหมื่น ก็ถือว่าได้เริ่มต้นแล้ว จากนั้นสร้างวินัยให้กับตัวเองเข้าไว้ ทำต่อเนื่องสม่ำเสมอแม้จะไม่อย ากออมก็ตาม เพราะมันคือวินัย
ขอขอบคุณที่มา ตามนั้น