Home »
Uncategories »
หลายคนยังไม่รู้ เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต “รักษาฟรี” เพียงแค่ทำตามนี้
หลายคนยังไม่รู้ เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต “รักษาฟรี” เพียงแค่ทำตามนี้
UCEP คืออะไร
UCEP คือ นโยบายรัฐบาล “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่”
Universal Coverage for Emergency Patients
(UCEP) กรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนนอกคู่สัญญา 3
กองทุน(กองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า, กองทุนประกันสังคม
กองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ) และในอนาคตจะขยายไปยังกองทุนต่างๆ
เพื่อให้เกิดความครอบคลุม
ไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตอันจะทําให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตได้รับ
การคุ้มครองสิทธิในการเข้าถึงบริการ
อย่างปลอดภัยโดยไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล
เพื่อให้ไม่เป็นอุปสรรคและความเสี่ยงของการดูแลรักษา
โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายภายใน 72 ชั่วโมงหรือพ้นภาวะวิกฤต
นโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่”
การเข้าถึงบริการการแพทย์และสาธารณสุขในปัจจุบัน
ผู้ป่วยต้องเข้ารับบริการ
ตามสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนคู่สัญญาที่กองทุนตามสิทธิการรักษากำหนดไว้
แต่พบว่ามีผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตบางรายไม่สามารถเข้ารับบริการสถานพยาบาลตามที่กองทุนตามสิทธิการรักษากำหนดให้ได้
เนื่องจากจุดเกิดเหตุกับสถานพยาบาลอยู่ไกลกัน
หรืออาจอยู่ใกล้กับสถานพยาบาลที่กองทุนตามสิทธิการรักษากำหนด
แต่สถานพยาบาลนั้นไม่มีศักยภาพในการรักษาเฉพาะโรค
ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องเข้ารักษาพยาบาลที่สถานพยาบาลเอกชนนอกคู่สัญญาของกองทุนตามสิทธิการรักษา
และเมื่อเข้ารักษาสถานพยาบาลเอกชนแล้ว
ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตไม่ได้รับความคุ้มครอง
หรือได้รับความคุ้มครองเพียงบางส่วน
ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวทำให้ผู้ป่วยเกิดความเหลื่อมล้ำของสิทธิการรักษา
อันจะส่งผลให้ผู้ป่วยไม่ได้เข้าถึงบริการการแพทย์ได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที
เสี่ยงต่อการเสียชีวิตหรือพิการได้
จากปัญหาดังกล่าว
กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหา
ปรับเปลี่ยนนโยบายและแนวทางปฏิบัติในการคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉิน
โดยกำหนดเป็นนโยบายใหม่ภายใต้แนวคิด “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่”
เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านการรักษาพยาบาลของประชาชนในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต
สามารถเข้ารักษาที่โรงพยาบาลของรัฐและเอกชนได้ทุกแห่ง
เพื่อให้เข้าถึงบริการด้านการแพทย์อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
ไม่มีเงื่อนไขในการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล
ซึ่งเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงบริการการแพทย์
และเพื่อให้นโยบายดังกล่าวดำเนินการได้เป็นรูปธรรม
จึงได้แก้ไขพระราชบัญญัติ
สถานพยาบาล โดยออกเป็นพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559
ซึ่งเมื่อพระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลบังคับใช้
รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการสถานพยาบาลจึงได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข
จำนวน 3 ฉบับ ดังนี้
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉิน
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉินการระดมทรัพยากรและมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเยียวยา
และการจัดให้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่น
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
จากนโยบาย “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่”
ที่รัฐบาลกำหนดนั้น
เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชน
คณะกรรมการแพทย์ฉุกเฉินจึงได้มอบหมายให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ
ทำหน้าที่บริหารจัดการการแพทย์ฉุกเฉินทั้ง
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติจึงได้จัดตั้งศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศคส.สพฉ.) ขึ้น
เพื่อดำเนินการประสานงานทุกภาคส่วนในการดำเนินงานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต
ให้ปรึกษาการประเมินเพื่อคัดแยกระดับความฉุกเฉิน
ตลอดจนดำเนินการรับเรื่องอุทธรณ์การคัดแยกระดับความฉุกเฉิน
และรับเรื่องร้องเรียนกรณีไม่ได้รับความคุ้มครองตามสิทธิที่รัฐบาลกำหนด
ทั้งนี้ผู้ป่วยที่จะได้รับความคุ้มครองต้องเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินเข้าข่ายวิกฤตที่เกิดขึ้นนอกโรงพยาบาล
และมีอาการ ดังนี้
หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ
หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง
ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม
เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง
แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัด แบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด
มีอาการอื่นร่วมที่มีผลต่อการหายใจระบบการไหลเวียนโลหิตและระบบสมองที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
หลักเกณฑ์การประเมินอาการเพื่อคัดแยกระดับความฉุกเฉิน
โดยการคัดแยกได้แบ่งกลุ่มอาการออกเป็น 25 กลุ่มอาการ
และนำเกณฑ์การคัดแยกตามคู่มือแนวทางการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เกณฑ์และวิธีปฏิบัติการคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินและจัดลําดับการบริบาล
ณ ห้องฉุกเฉินตามหลักเกณฑ์ที่กพฉ. กําหนด
เพื่อให้การประเมินอาการมีความครอบคลุมภาวะฉุกเฉินให้มากที่สุด
กลุ่มอาการ
การประเมินอาการเพื่อคัดแยกระดับความฉุกเฉินได้แบ่งกลุ่มอาการเป็น 2
หมวด คือ หมวดกลุ่มอาการป่วยฉุกเฉิน (Non trauma) 20 กลุ่มอาการ
และหมวดการบาดเจ็บฉุกเฉิน (Trauma) 5 กลุ่มอาการ รายละเอียด ดังนี้
หมวดกลุ่มอาการป่วยฉุกเฉิน (Non trauma) 20 กลุ่มอาการ
ปวดท้อง/หลัง/เชิงกรานและขาหนีบ
แพ้ยา/แพ้อาหาร/แพ้สัตว์ต่อย/แอนาฟิแล็กซิส/ปฏิกิริยาภูมิแพ้
สัตว์กัด
เลือดออก (ไม่มีสาเหตุจากการบาดเจ็บ)
หายใจลำบาก/ติดขัด
หัวใจหยุดเต้น
เจ็บแน่นทรวงอก/หัวใจ/มีปัญหาทางด้านหัวใจ
สำลัก/อุดกั้นทางเดินหายใจ
เบาหวาน
ภาวะฉุกเฉินเหตุสิ่งแวดล้อม
เว้นว่าง
ปวดศีรษะ/ภาวะผิดปกติทางตา/หู/คอ/จมูก
คลุ้มคลั่ง/ภาวะทางจิตประสาท/อารมณ์
พิษ/รับยาเกินขนาด
มีครรภ์/คลอด/นรีเวช
ชัก/มีสัญญาณบอกเหตุการชัก
ป่วย/อ่อนเพลีย/อัมพาตเรื้อรัง/ไม่ทราบ ไม่จำเพาะ/อื่นๆ
อัมพาต(กำลังกล้ามเนื้ออ่อนแรง/สูญเสียการรับความรู้สึก/ยืนหรือเดินไม่ได้) เฉียบพลัน
ไม่รู้สติ/ไม่ตอบสนอง/หมดสติชั่ววูบ
เด็ก (กุมารเวชกรรม)
หมวดการบาดเจ็บฉุกเฉิน (Trauma) 5 กลุ่มอาการ
ถูกทำร้ายร่างกาย
ไหม้/ลวกเหตุความร้อน/สารเคมี/ไฟฟ้าช๊อต
ตกน้ำ/จมน้ำ/หน้าคว่ำจมน้ำ/บาดเจ็บเหตุดำน้ำ/บาดเจ็บทางน้ำ
พลัดตกหกล้ม/อุบัติเหตุ/เจ็บปวด
อุบัติเหตุยานยนต์
รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อขอข้อมูลได้ที่ pr@niems.go.th