ถ้ำเกิดจากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของชั้นหิน เช่น เกิดการยกตัวและรอยแตกของชั้นหิน หรือบางส่วนจะเกิดเป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่ ทำให้หินแตกหักเกิดเป็นช่องว่าง หรือ ที่เรียกว่า ถ้ำ สำหรับถ้ำในประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นถ้ำหินปูน เมื่อมีน้ำฝนซึมผ่านชั้นดิน ซากพืช ซากสัตว์ ประกอบกับมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้น้ำมีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ เมื่อซึมมาจนถึงชั้นหินปูนหรือซึมผ่านรอยแตกในหินปูน น้ำกรดจะลายเนื้อหินปูนออกเรื่อยๆ จนกลายเป็นโพรงถ้ำ
สำหรับถ้ำในประเทศไทยที่มีความยาว 10 อันดับ ได้แก่
1.ถ้ำพระวังแดง จ.พิษณุโลก มีความยาว 13,761 เมตร
2.ถ้ำแม่ละนา จ.แม่ฮ่องสอน มีความยาว 12,720 เมตร
3.ถ้ำใหญ่น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ มีความยาว 10,631 เมตร
4.ถ้ำหลวง จ.เชียงราย มีความยาว 10,316 เมตร
5.ถ้ำน้ำลาง จ.แม่ฮ่องสอน มีความยาว 8,550 เมตร
6.ถ้ำตะโค๊ะบิ จ.ตาก มีความยาว 7,346 เมตร
7.ถ้ำกระแชง จ.ยะลา มีความยาว 5,633 เมตร
8.ถ้ำน้ำวังศรีธรรมโศกราช จ.นครศรีธรรมราช มีความยาว 5,200 เมตร
9.ถ้ำเชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีความยาว 5,170 เมตร
10.ถ้ำผาผึ้ง จ.น่าน มีความยาว 4,750 เมตร
สำหรับถ้ำที่1 คือ ถ้ำพระวังแดงเป็นถ้ำที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทยยาวประมาณ 13.761 กิโลเมตร โดยทั่วไปช่วงหน้าฝนจะห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวเนื่องจากสภาพถ้ำมืด และมีน้ำไหลผ่านตลอดเวลา โดยที่ผ่านมาที่ถ้ำพระวังแดง แห่งนี้เคยมีคนหลง2ครั้ง ครั้งแรก พระภิกษุหลงแล้วออกมาได้ ส่วนครั้งที่ 2 เมื่อ 4-5 ปี ที่แล้วสามเณร 2 รูป จากทับคล้อ ก็หลงในถ้ำพระวังแดงอยู่ 3 วัน 3 คืน จึงช่วยออกมาได้
ส่วนถ้ำหลวงนั้น นับว่าเป็นถ้ำที่ยาวที่สุดเป็นอันดับ4ของเมืองไทย โดยมีหลายตำนานที่เล่าขานประวัติของถ้ำนี้ ว่า ณ เมืองเชียงรุ้งสิบสองปันนา มีราชธิดาองค์หนึ่ง แอบรักกับชายเลี้ยงม้า ซึ่งผิดกฏตามโบราณราชประเพณี ทั้งสองได้แอบรักกันมาจนกระทั่ง พระราชธิดาเกิดตั้งครรภ์ เห็นจะปิดความไว้ไม่ได้อีกต่อไป จึงหลบหนีตามกันมา พระราชบิดารู้ก็ส่งทหารไล่ติดตาม
กองทหารตามทัน เห็นชายเลี้ยงม้าในป่า ก็รุมฆ่าตายอยู่กับที่ ฝ่ายพระราชธิดาเห็นกองทหารของพระราชบิดาออกมาจากชายป่า เข้าล้อมพระราชธิดาไว้ แล้วทูลเชิญกลับไปยังนครเชียงรุ้ง พระราชธิดาตระหนกตกใจสังหรณ์ว่าชายคนรักจะเป็นอันตรายเสียแล้ว แต่ก็ยังแข็งใจตรัสถามทหารว่าเห็นชายหนุ่มหรือไม่ ทหารก็ทูลตอบว่า ได้ฆ่าตายแล้ว
เมื่อทรงทราบดังนั้น พระราชธิดาทรงเสียพระทัยอย่างยิ่ง ได้สติจึงอธิษฐาน เอาความรักอันบริสุทธิ์เป็นที่ตั้ง ดึงปิ่นที่ปักผมออกมา แทงพระขมับของพระองค์เองจนโลหิตไหลออกมาเป็นสาย สิ้นพระชนม์อยู่ตรงนั้น สายพระโลหิตที่ได้หลั่งไหลออกมา ได้กลายมาเป็นต้นแม่น้ำแม่สายในทุกวันนี้ ส่วนพระวรกายของพระราชธิดาที่นอนเหยียดยาวจากใต้จรดเหนือ ก็กลายเป็นดอยนางนอนจวบจนทุกวันนี้ อิตถีเพศของพระนางกลายเป็นถ้ำหลวง และส่วนของพระอุทรที่ทรงครรภ์ก็เป็นดอยตุง
และการที่จะเข้าไปในถ้ำแห่งนี้ (ตามความเชื่อ) ต้องขออนุญาต จากผู้ที่ดูแลถ้ำ และเข้าไปชมด้วยความสงบ ห้ามส่งเสียงดัง และพูดจาในสิ่งที่ไม่ควร ถ้ำนี้จะแตกต่างจากทุกถ้ำที่ไปมาเพราะทุกอณูของถ้ำ เหมือนมีชีวิต และเหมือนกำลังจับตามองผู้ที่เข้ามาทุกฝีก้าว แม้แต่ในตอกลางวันก็ตาม
ส่วนประวัติของอีกถ้ำ ที่เราอยากจะนำเสนอ นั่นคือ "ถ้ำเชียงดาว" อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งถ้ำนี้เป็นถ้ำชื่อดัง และมีประวัติที่ลี้ลับ ไม่แพ้กัน
ประวัติโดยย่อของถ้ำเชียงดาว มีอยู่ว่า สมัยก่อนถ้ำเชียงดาวไม่ได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยยังเป็นสถานที่วิปัสสนากรรมฐานของพระสงฆ์ ภายในถ้ำประดิษฐานหลวงพ่อทันใจที่สร้างโดยฤาษีอุคันธะ เป็นฤาษีชาวไทใหญ่ที่เดินทางมาจาริกแสวงบุญ ณ อำเภอเชียงดาว และก็ได้ร่วมกับชาวบ้านสร้างพระเจดีย์ 25 ยอด (เจดีย์ซาวห้ายอด) ขึ้นในปี พ.ศ. 2456 ต่อมา ครูบาศรีวิชัย มาสร้างและบูรณะเป็นวัดถ้ำเชียงดาว จวบจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนั้นยังมีตำนานของถ้ำเชียงดาวว่า ในอดีตมีเจ้าหลวงคำแดงซึ่งเป็นบุตรชายของเจ้าผู้ครองเมืองพะเยา ได้ออกเดินทางตามหาหญิงสาวที่แปลงร่างเป็นกวางทองซึ่งหายลับเข้าไปในถ้ำหลวงเชียงดาว เมื่อเจ้าหลวงคำแดงจึงได้ตามเข้าไปในถ้ำก็ไม่ได้กลับออกมาแต่ได้กลายเป็นเทวดาปกปักรักษาถ้ำหลวงเชียงดาว ชาวบ้านได้สร้างศาลถวายท่านและตั้งชื่อว่า "ศาลพ่อหลวงคำแดง" ตามตำนานกล่าวไว้ว่าในคืนที่มีนิมิตหมายอันดี ท้องฟ้าแจ่มใสจะปรากฏลูกกลมๆ มีแสงสว่างคล้ายพระธาตุลอยออกมาจากหลังดอยเชียงดาว ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของเจ้าหลวงคำแดง ไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนที่เมืองพะเยา
โดยบ้างก็เล่าลือกันถึงขนาดว่า ถ้ำเชียงดาวนี้ สามารทะลุไปออกถ้ำหลวง อ.แม่สาย จ.เชียงรายโน่นทีเดียว ซึ่งยังไม่สามรถพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงแต่อย่างใด
ที่มาkhaosod