หลังจากเกิดเหตุการณ์สุดสะเทือนใจ
สำหรับกรณีชายหนุ่มโชว์ไลฟ์สดทำร้ายแฟนสาว จนได้รับบาดเจ็บสาหัส
และสามารถจับกุมชายหนุ่มผู้ก่อเหตุได้แล้ว
ชาวเน็ตหลายๆท่านมีทั้งฝ่ายเข้าข้างชายหนุ่มและเข้าข้างหญิงสาว
แต่เมื่อไม่นานมานี้แฟนเก่าที่เคยคบกับเอ็มได้ออกมาแฉพฤติกรรมที่สุดจะทน
ตามมาดูกันดีกว่าว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง
นางสาวปราย (นามสมมติ) อดีตแฟนสาวของนายเอ็ม เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับนายเอ็มตอนประมาณปี พ.ศ. 2555 และเลิกรากันไปช่วงประมาณปี พ.ศ. 2556 ช่วงที่เริ่มรู้จักกัน ตนเพิ่งเข้าไปนับถือคริสต์ใหม่ๆ ขณะนั้นมีงานเทศกาลคริสต์มาส นายเอ็มก็เข้ามาทำความรู้จักตนและจีบตนในไลน์ โดยนายเอ็มชอบเล่าว่าชีวิตของตัวเองลำบาก น่าสงสาร ต้องเลี้ยงดูยาย และทำงานแต่เด็ก พ่อแม่แยกทางกัน ส่วนแม่อยู่กับสามีใหม่
ช่วงเวลาที่คุยกันก็มีคนเข้ามาเตือนตนเยอะว่า นายเอ็มมักมีเรื่องผู้หญิง แต่นายเอ็มก็แสดงความบริสุทธิ์ใจกับตนโดยการให้เช็คโทรศัพท์ว่ามีแต่ผู้หญิงเข้าหา แล้วก็หักซิมโทรศัพท์ทิ้ง ไม่ติดต่อกับใครนอกจากตน ช่วงนั้นศิษยาภิบาล (ศ.บ.) ที่โบสถ์ก็ได้เรียกไปพูดคุยว่า เอ็มเป็นแฟนกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งมิใช่หรือ ทำไมจึงมาคบกับตน ซึ่งศาสนาคริสต์เคร่งครัดเรื่องการคบหากัน นายเอ็มจึงจูงมือตนเข้าโบสถ์และยืนยันกับ ศ.บ. ว่าคบหาตนเป็นแฟน แม้ว่าอายุจะห่างกันมากถึงเกือบ 20 ปี และได้มีการจดทะเบียนสมรสกัน ก่อนหย่าร้างในภายหลัง
ต่อมา นายเอ็มก็เข้ามาอยู่ในครอบครัวและนำรถยนต์ของตนไปเข้าไฟแนนซ์ เพื่อเอาเงินมาลงทุนทำธุรกิจขายเคสโทรศัพท์ และทำธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเวลานายเอ็มไม่ได้ดั่งใจหรือโมโหเวลาไม่ได้เงิน ก็จะทำตัวเหมือนทำร้ายร่างกายตัวเอง และยังเคยทุบหน้าตัวเอง เวลาที่ตนเคยบอกเลิก จนต้องให้อภัย
ช่วงเวลาที่คบหากัน นายเอ็มก็มักมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาตลอด เท่าที่ตนทราบก็จะมีประมาณ 2 คน ส่วนตัวคิดว่าคงมีคนอื่นอีกที่ตนไม่รู้ ซึ่งตนคิดว่าผู้หญิงบางคนอาจไม่ทราบว่านายเอ็มมีแฟนแล้ว นอกจากนี้ นายเอ็มเคยบอกว่าตัวเองมักมีนิสัยชอบช่วยเหลือคนอื่น เคยช่วยคุณตาที่โดนรถชน ซื้อข้าวให้ขอทาน ตนเลยคิดว่านายเอ็มเป็นคนดี ซึ่งตนคิดว่าที่ผ่านมานายเอ็มแค่สร้างภาพว่าตัวเองเป็นคนซื่อสัตย์
ทั้งนี้ ช่วงเวลานั้นตนได้ให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินกับนายเอ็ม โดยนายเอ็มนำรถยนต์ 2 คันของตนไปเข้าไฟแนนซ์ และนำแหวนเพชร นาฬิกา รวมถึงเงินสดของตนไป เพื่อนำมาลงทุนในธุรกิจ และเทรดฟอเร็กซ์ จนกระทั่งนายเอ็มฝึกเทรดจนเป็น เวลาเทรดก็มักจะกล้าลงทุน เอาเงินไปลงในพอร์ตสูง แล้วมักจะล้างพอร์ตบ่อยๆ การล้างพอร์ตคือเงินที่ลงทุนไปจะไม่ได้คืน จากนั้นนายเอ็มก็ไปสอนคนอื่นเทรด
สำหรับเรื่องสารเสพติด ขณะคบกับตนไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขาอาจจะกลับไปเสพจริง ซึ่งนอกจากฤทธิ์ของสารเสพติด ตนมองว่าสันดานของเขาก็เป็นคนแบบนั้น คือก้าวร้าว เคยด่าแม้กระทั่งพ่อและแม่ตนด้วย ตนจึงไม่แปลกใจที่เขาจะทำแบบนี้ ตนคิดแล้วว่า วันหนึ่งเขาต้องเป็นแบบนี้ แม้ตนจะไม่เคยถูกซ้อม แต่นิสัยเขาเป็นคนอารมณ์รุนแรง มีปมในชีวิตเยอะ และแม่กับยายเขาก็เป็นคนขี้เมา เวลาเมาก็จะถอดเสื้อผ้า ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่เคยดูถูกครอบครัวเขา และรับเขาได้ในระหว่างที่คบกัน
สาเหตุที่ตนออกมาพูด ตนต้องการให้สังคมรับรู้ และเพื่อยืนยันว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนดี เงิน 40 ล้านบาท เขาก็ไม่น่าจะมีถึง แล้วเรื่องที่อ้างว่าผู้หญิงโกงเงินในพอร์ต ตนคิดว่าเป็นเรื่องยาก เพราะนายเอ็มเป็นคนที่รักตัวเองมาก เขาไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนจริง เขาแค่สร้างภาพ เขายังเคยกราบเท้าตนในรถ ใส่รองเท้าให้ตน อีกทั้ง การจะเอาเงินในพอร์ตไป มันต้องเข้าไปถอนเงินกับโบรกเกอร์ เวลาโอนเงินก็ต้องมีรหัส OTP ผ่านโทรศัพท์อีก ตนคิดว่าผู้หญิงคงไม่กล้าทำขนาดนี้
ซึ่งตนอยากฝากบอกกับนายเอ็มว่า อย่าทำให้นามของพระเจ้าเสีย เวลาเทรดยังเอาพระคัมภีร์มาเลย ตนรู้สึกอับอายเพราะทำให้สังคมคริสเตียนเสื่อมเสีย ยอมรับว่าเงินที่เสียไปก็อยากได้คืน เพราะตนหมดตัว ลำบากมาก แต่คิดว่าคงไม่ได้คืน ตนอยากให้นายเอ็มไปชดใช้กรรม และรับโทษตามกฎหมายต่อไป
นางสาวปราย (นามสมมติ) อดีตแฟนสาวของนายเอ็ม เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับนายเอ็มตอนประมาณปี พ.ศ. 2555 และเลิกรากันไปช่วงประมาณปี พ.ศ. 2556 ช่วงที่เริ่มรู้จักกัน ตนเพิ่งเข้าไปนับถือคริสต์ใหม่ๆ ขณะนั้นมีงานเทศกาลคริสต์มาส นายเอ็มก็เข้ามาทำความรู้จักตนและจีบตนในไลน์ โดยนายเอ็มชอบเล่าว่าชีวิตของตัวเองลำบาก น่าสงสาร ต้องเลี้ยงดูยาย และทำงานแต่เด็ก พ่อแม่แยกทางกัน ส่วนแม่อยู่กับสามีใหม่
ช่วงเวลาที่คุยกันก็มีคนเข้ามาเตือนตนเยอะว่า นายเอ็มมักมีเรื่องผู้หญิง แต่นายเอ็มก็แสดงความบริสุทธิ์ใจกับตนโดยการให้เช็คโทรศัพท์ว่ามีแต่ผู้หญิงเข้าหา แล้วก็หักซิมโทรศัพท์ทิ้ง ไม่ติดต่อกับใครนอกจากตน ช่วงนั้นศิษยาภิบาล (ศ.บ.) ที่โบสถ์ก็ได้เรียกไปพูดคุยว่า เอ็มเป็นแฟนกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งมิใช่หรือ ทำไมจึงมาคบกับตน ซึ่งศาสนาคริสต์เคร่งครัดเรื่องการคบหากัน นายเอ็มจึงจูงมือตนเข้าโบสถ์และยืนยันกับ ศ.บ. ว่าคบหาตนเป็นแฟน แม้ว่าอายุจะห่างกันมากถึงเกือบ 20 ปี และได้มีการจดทะเบียนสมรสกัน ก่อนหย่าร้างในภายหลัง
ต่อมา นายเอ็มก็เข้ามาอยู่ในครอบครัวและนำรถยนต์ของตนไปเข้าไฟแนนซ์ เพื่อเอาเงินมาลงทุนทำธุรกิจขายเคสโทรศัพท์ และทำธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเวลานายเอ็มไม่ได้ดั่งใจหรือโมโหเวลาไม่ได้เงิน ก็จะทำตัวเหมือนทำร้ายร่างกายตัวเอง และยังเคยทุบหน้าตัวเอง เวลาที่ตนเคยบอกเลิก จนต้องให้อภัย
ช่วงเวลาที่คบหากัน นายเอ็มก็มักมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาตลอด เท่าที่ตนทราบก็จะมีประมาณ 2 คน ส่วนตัวคิดว่าคงมีคนอื่นอีกที่ตนไม่รู้ ซึ่งตนคิดว่าผู้หญิงบางคนอาจไม่ทราบว่านายเอ็มมีแฟนแล้ว นอกจากนี้ นายเอ็มเคยบอกว่าตัวเองมักมีนิสัยชอบช่วยเหลือคนอื่น เคยช่วยคุณตาที่โดนรถชน ซื้อข้าวให้ขอทาน ตนเลยคิดว่านายเอ็มเป็นคนดี ซึ่งตนคิดว่าที่ผ่านมานายเอ็มแค่สร้างภาพว่าตัวเองเป็นคนซื่อสัตย์
ทั้งนี้ ช่วงเวลานั้นตนได้ให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินกับนายเอ็ม โดยนายเอ็มนำรถยนต์ 2 คันของตนไปเข้าไฟแนนซ์ และนำแหวนเพชร นาฬิกา รวมถึงเงินสดของตนไป เพื่อนำมาลงทุนในธุรกิจ และเทรดฟอเร็กซ์ จนกระทั่งนายเอ็มฝึกเทรดจนเป็น เวลาเทรดก็มักจะกล้าลงทุน เอาเงินไปลงในพอร์ตสูง แล้วมักจะล้างพอร์ตบ่อยๆ การล้างพอร์ตคือเงินที่ลงทุนไปจะไม่ได้คืน จากนั้นนายเอ็มก็ไปสอนคนอื่นเทรด
สำหรับเรื่องสารเสพติด ขณะคบกับตนไม่ได้มีปัญหาเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขาอาจจะกลับไปเสพจริง ซึ่งนอกจากฤทธิ์ของสารเสพติด ตนมองว่าสันดานของเขาก็เป็นคนแบบนั้น คือก้าวร้าว เคยด่าแม้กระทั่งพ่อและแม่ตนด้วย ตนจึงไม่แปลกใจที่เขาจะทำแบบนี้ ตนคิดแล้วว่า วันหนึ่งเขาต้องเป็นแบบนี้ แม้ตนจะไม่เคยถูกซ้อม แต่นิสัยเขาเป็นคนอารมณ์รุนแรง มีปมในชีวิตเยอะ และแม่กับยายเขาก็เป็นคนขี้เมา เวลาเมาก็จะถอดเสื้อผ้า ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่เคยดูถูกครอบครัวเขา และรับเขาได้ในระหว่างที่คบกัน
สาเหตุที่ตนออกมาพูด ตนต้องการให้สังคมรับรู้ และเพื่อยืนยันว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนดี เงิน 40 ล้านบาท เขาก็ไม่น่าจะมีถึง แล้วเรื่องที่อ้างว่าผู้หญิงโกงเงินในพอร์ต ตนคิดว่าเป็นเรื่องยาก เพราะนายเอ็มเป็นคนที่รักตัวเองมาก เขาไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนจริง เขาแค่สร้างภาพ เขายังเคยกราบเท้าตนในรถ ใส่รองเท้าให้ตน อีกทั้ง การจะเอาเงินในพอร์ตไป มันต้องเข้าไปถอนเงินกับโบรกเกอร์ เวลาโอนเงินก็ต้องมีรหัส OTP ผ่านโทรศัพท์อีก ตนคิดว่าผู้หญิงคงไม่กล้าทำขนาดนี้
ซึ่งตนอยากฝากบอกกับนายเอ็มว่า อย่าทำให้นามของพระเจ้าเสีย เวลาเทรดยังเอาพระคัมภีร์มาเลย ตนรู้สึกอับอายเพราะทำให้สังคมคริสเตียนเสื่อมเสีย ยอมรับว่าเงินที่เสียไปก็อยากได้คืน เพราะตนหมดตัว ลำบากมาก แต่คิดว่าคงไม่ได้คืน ตนอยากให้นายเอ็มไปชดใช้กรรม และรับโทษตามกฎหมายต่อไป